Banner
เมื่อพระพุทธศาสนาถูกบิดเบือน เราควรช่วยกันประคับประคอง นำคำสอนของพระศาสดามาปฏิบัติตาม

กฏอิทัปปัจจยตา : หัวใจปฏิจจสมุปบาท.

อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.

คนไม่ควรเลี้ยงโค


บาลี พระพุทธภาษิต มหาโคปาลสูตร. มู. ม. ๑๒/๔๑๐/๓๘๔-๕, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.

ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโคที่ประกอบด้วยความบกพร่อง ๑๑ อย่างแล้ว ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงโคและทำฝูงโคให้เจริญได้. ความบกพร่อง ๑๑ อย่าง อะไรกันเล่า ? ๑๑ อย่างคือ คนเลี้ยงโคในกรณีนี้ เป็นผู้ไม่รู้เรื่องร่างกายของโค, เป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะของโค, เป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขาง, เป็นผู้ไม่ปิดแผล, เป็นผู้ไม่สุมควัน, เป็นผู้ไม่รู้จักท่าที่ควรนำโคไป, เป็นผู้ไม่รู้จักน้ำที่โคควรดื่ม, เป็นผู้ไม่รู้จักทางที่โคควรเดิน, เป็นผู้ไม่ฉลาดในที่ที่โคควรไป, เป็นผู้รีดนมโคเสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ, เป็นผู้ไม่ให้เกียรติแก่โคอุสภอันเป็นโคพ่อฝูง เป็นโคนำฝูง ด้วยการเอาใจใส่เป็นพิเศษ. ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโคที่ประกอบด้วยความบกพร่อง ๑๑ อย่างเหล่านี้แล ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงโคและทำฝูงโคให้เจริญได้ ;

ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น :
ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์คุณ ๑๑ ประการแล้ว ไม่ควรที่จะถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้. องค์คุณ ๑๑ ประการอะไรกันเล่า ? ๑๑ ประการคือ

ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ไม่รู้จักรูป,
เป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะ,
เป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขาง,
เป็นผู้ไม่ปิดแผล,
เป็นผู้ไม่สุมควัน,
เป็นผู้ไม่รู้จักท่าที่ควรไป,
เป็นผู้ไม่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม,
เป็นผู้ไม่รู้จักทางที่ควรเดิน,
เป็นผู้ไม่ฉลาดในที่ที่ควรไป,
เป็นผู้รีด “ นมโค ” เสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ,
เป็นผู้ไม่บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นเถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาชั้นพิเศษ.


พวกไม่รู้จักรูป
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมไม่รู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
“รูปชนิดใดก็ตาม ทั้งหมดนั้นชื่อว่ารูป, คือ มหาภูตรูปมี ๔, และอุปาทายรูป คือรูปที่อาศัยมหาภูตรูปทั้ง ๔”

ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักรูป เป็นอย่างนี้แล.


พวกไม่ฉลาดในลักษณะ
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่า
“ คนพาล มีกรรมเป็นเครื่องหมาย,
บัณฑิต ก็มีกรรมเป็นเครื่องหมาย ”

ดังนี้เป็นต้น.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างนี้แล.


พวกไม่เขี่ยไข่ขาง
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ไม่อดกลั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุด ไม่ทำให้หมดสิ้น
ซึ่งความตรึกเกี่ยวด้วยกาม, ความตรึกเกี่ยวด้วยความมุ่งร้าย,
ความตรึกเกี่ยวด้วยการทำความลำบากแก่คนอื่น ที่เกิดขึ้นแล้ว ; และไม่อดกลั้น ไม่ละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้สิ้นสุด ไม่ทำให้หมดสิ้น ซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศลลามกทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างนี้แล.

พวกไม่ปิดแผล
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ปิดแผล เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
เห็นรูปด้วยตา,
ฟังเสียงด้วยหู,
ดมกลิ่นด้วยจมูก,
ลิ้มรสด้วยลิ้น,
ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย,
รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ,
แล้วก็มีจิตยึดถือเอา ทั้งโดยลักษณะที่เป็นการรวบถือทั้งหมด
และการถือเอาโดยการแยกเป็นส่วน ๆ.
สิ่งอันเป็นอกุศลลามกคืออภิชฌาและโทมนัส
จะพึงไหลไปตามผู้ที่ไม่สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เพราะการไม่สำรวมอินทรีย์ใดเป็นเหตุ,
เธอไม่ปฏิบัติเพื่อปิดกั้น อินทรีย์นั้นไว้,
เธอไม่รักษาและไม่สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ปิดแผล เป็นอย่างนี้แล.

พวกไม่สุมควัน
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่สุมควัน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ไม่แสดงธรรม ตามที่ได้ฟังได้เรียนมาแล้วแก่คนอื่น โดยพิสดาร.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่สุมควัน เป็นอย่างนี้แล.


พวกไม่รู้จักท่าที่ควรไป
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
เมื่อเข้าไปหาพวกภิกษุ ซึ่งเป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา, ก็ไม่ไต่ถามไม่ไล่เลียงโดยทำนองนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ ท. ! พระพุทธวจนะนี้ เป็นอย่างไร ? ความหมายแห่งพระพุทธวจนะนี้ มีอย่างไร ?” ดังนี้เป็นต้น ตามเวลาอันสมควร ; ท่านพหุสูตเหล่านั้น จึงไม่ทำข้อความที่ยังลี้ลับให้เปิดเผย ไม่ทำข้อความอันลึกซึ้งให้ตื้น และไม่บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย นานาประการให้แก่ภิกษุนั้นได้.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล.



พวกไม่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้


เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว อันผู้ใดผู้หนึ่งแสดงอยู่ เธอก็ไม่ได้ความรู้ธรรม ไม่ได้ความรู้อรรถ และไม่ได้ความปราโมทย์อันอาศัยธรรม.

ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างนี้แล.



พวกไม่รู้จักทางที่ควรเดิน
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมไม่รู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่งอริยมรรคมีองค์แปด.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างนี้แล.



พวกไม่ฉลาดในที่ที่ควรไป
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมไม่รู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่งสติปัฏฐานสี่.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล.



พวก รีด “นมโค” เสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รีด “นมโค” เสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! พวกคฤหบดีผู้มีศรัทธา ย่อมปวารณาไม่มีขีดขั้น แก่ภิกษุในพระศาสนานี้ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขาร. ในการที่เขาปวารณาเช่นนั้น,
ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในการรับปัจจัยสี่ มีจีวร เป็นต้นเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รีด “นมโค” เสียหมด ไม่มีส่วนเหลือ เป็นอย่างนี้แล.



พวกไม่บูชาผู้เฒ่า
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายชั้นที่เป็นเถระ ฯลฯ ด้วยการบูชาชั้นพิเศษ เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
ไม่เข้าไปตั้งไว้ซึ่งกายกรรม, วจีกรรม และมโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา ในภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นเถระ มีพรรษายุกาลบวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ไม่บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลาย ชั้นที่เป็นเถระ ฯลฯ
ด้วยการบูชาชั้นพิเศษ เป็นอย่างนี้แล.



ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ผู้ประกอบด้วยองค์คุณ ๑๑ ประการเหล่านี้แล ไม่ควรที่จะถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้เลย.
SHARE

Chumpen

  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts Widget