Banner
เมื่อพระพุทธศาสนาถูกบิดเบือน เราควรช่วยกันประคับประคอง นำคำสอนของพระศาสดามาปฏิบัติตาม

กฏอิทัปปัจจยตา : หัวใจปฏิจจสมุปบาท.

อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.

เรื่องของทุกข์และสุข



เรื่องของทุกข์และสุข
เงินคือภัยร้ายสำหรับผู้ที่ยังมีตัณหาครอบงำอยู่

เพราะตัณหาในจิตทำให้อยากมีความสุข และไม่อยากเป็นทุกข์
ถ้ายิ่งโหยหาสุขมากเท่าไร ทุกข์ก็จะมีพละกำลังมากขึ้นเท่านั้น
เช่น ถ้าเราบอกว่าเงินคือสิ่งที่จะบันดาลความสุขให้
ตัณหาก็จะพาเราไปอยากได้เงิน
ยิ่งอยากได้มากเท่าไร
ความทุกข์ที่อยากได้ก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าเราไม่ได้เงิน แสวงหาไม่ได้ หรือต้องสูญเสียเงินไป
ความทุกข์ที่เกิดจากความต้องการเงินมา
ก็จะมีกำลังรุนแรงตามความอยากได้นั้น

บางคนก็ตามืดบอดเพราะตัณหานี้
บางคนจมลงสู่อบายก็เพราะตัณหานี้
บางคนต้องจมสู่นรกก็เพราะตัณหานี้เช่นกัน

พระพุทธองค์ท่านบอกว่า
"ดูกรอานนท์ เราตถาคตจะแสดงใน ข้ออันเป็นที่สุดแต่โดยย่อ ๆ พอให้เข้าใจง่าย ที่สุดนั้นก็คือ จิตกับตัณหา จิตนั้นจำแนกออกไป เรียกว่ากองกุศลคือ กองสุข ตัณหานั้นจำแนกออกไป เรียกว่ากองอกุศลคือ กองทุกข์ ต้นเหง้าเค้ามูลแห่งทุกข์นั้น ก็คือจิตและตัณหา นี้เอง จิตเป็นผู้คิดให้ได้ดีมีสุขขึ้น ส่วนตัณหานั้นก็ให้ เกิดเห็นตาม จิตมีความสุขมากขึ้นเท่าใด ตัณหาก็ให้ เกิดทุกข์ตามมากขึ้นไปเท่านั้น ดูกรอานนท์ แต่เบื้องต้น เมื่อเราตถาคต ยังไม่รู้แจ้งว่าสุขและทุกข์อยู่ติดด้วยกัน เราก็ถือเอากุศลจิตอันเดียวหมายจักให้เป็นสุขอยู่ทุกเมื่อ ส่วนทุกข์จะไม่ให้มา ก็ตั้งหน้าบำเพ็ญกุศลจิตเรื่อยไป เมื่อ ได้สุขเท่าใด ทุกข์ก็พลอยเกิดมีเท่านั้น ครั้นภายหลัง เรา พิจารณาด้วยญาณจักษุปัญญา และเห็นแจ้งชัดว่าสุขและทุกข์ ติดอยู่ด้วยกัน ครั้นรู้แจ้งแล้วก็ตรึกตรองหาอุบาย ที่จะกำจัด สุขและทุกข์ให้พรากออกจากกัน มันแสนยากแสนลำบาก เหลือกำลัง จนสิ้นปัญญาหาทางไปทางมาไม่ได้เราตถาคต จึงวางเสียซึ่งสุข คืนให้แก่ทุกข์ คือวางใจให้แก่ตัณหา ครั้น เราวางใจไว้ให้แก่ตัณหาแล้ว ความสุขในพระนิพพานก็เลย เข้ามารับเราให้ถึงนิพพานดิบในขณะนั้น พร้อมกับวางใจ ไว้ให้แก่ตัณหา ดูกรอานนท์ เมื่อวางใจได้ จึงเป็นอัพยากฤต จึงเรียกชื่อว่าถือเอาอัพยากฤตเป็นอารมณ์ เป็นองค์พระ อรหันต์ คือได้เข้าตั้งอยู่ในพระนิพพานด้วยอาการดังนี้."
(คิริมานนทสูตร จิตกับตัณหา)

อยากเห็นพระอริยะ
SHARE

Chumpen

  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts Widget