Banner
เมื่อพระพุทธศาสนาถูกบิดเบือน เราควรช่วยกันประคับประคอง นำคำสอนของพระศาสดามาปฏิบัติตาม

กฏอิทัปปัจจยตา : หัวใจปฏิจจสมุปบาท.

อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.

มงคลที่ ๒๔




สนฺตุฏฺฐิ จ
การมีความสันโดษ
หมายถึงความเป็นผู้ยินดีในสิ่งที่ตนมีตนได้ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือความสันโดษของภิกษุ และความสันโดษของบุคคลทั่วไป

ความสันโดษของภิกษุ
ความสันโดษ ๓ แบ่งออกเป็นลักษณะดังนี้
๑.ความยินดีในของของตน(ไม่อยากได้ของๆคนอื่น)
๒.ยินดีในของที่มีอยู่(ยินดีเท่าที่ได้มา)
๓.ยินดีในของอย่างสม่ำเสมอ(เพื่อรักษาความโลภไม่ให้เกิด)

สันโดษ ๓ ในปัจัย ๔ ได้แก่ เครื่องนุ่งหม่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค

สันโดษ ๑๒ (จากสันโดษ ๓ ในปัจจัย ๔)
สันโดษในเครื่องนุ่งห่ม
๑.ยินดีในของๆตน จีวรที่ภิกษุมีของตนอยู่แล้ว ไม่แสวงหาใหม่ นุ่งห่มเพื่อปกปิดร่างกายเท่านั้น
๒. ยินดีในของที่มีอยู่ มีจีวรอยู่ในสภาพอย่างไรก็ใช้อย่างนั้น
๓. ยินดีในของโดยสม่ำเสมอ ตั้งแต่แรกที่ได้จีวรมาจนใช้เก่าแล้วก็ตาม มีค่ารู้สึกว่ามีคุณค่าเช่นเดิม

สันโดษในอาหาร เสนาสนะ และยารักษาโรค ก็นัยเดียวกันกับเครื่องนุ่งห่ม คือจีวร ที่ได้กล่าวแล้ว คือ สันโดษ ๓ ในปัจจัย ๔ รวมเป็น สันโดษ ๑๒

สันโดษ ๓ ตามของที่แสวงหาได้ แบ่งเป้น ๓ อย่าง คือ
๑. สันโดษตามได้ ได้อย่างไรก็ยินดีอย่างนั้น
๒. สันโดษตามกำลัง ยินดีตามกำลังของตน
๓. สันโดษตามสมควร ยินดีตามความเหมาะสม

สันโดษ ๓ ในปัจัย ๔ ได้แก่ เครื่องนุ่งหม่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค
๑.ยินดีตามได้อย่างนั้น ภิกษุได้จีวรมาแล้วสภาพอย่างไรก็ใช้สอยไปตามนั้น
๒.ยินดีตามกำลังตน ภิกษุผู้อาพาธหรือมีกำลังน้อยร่างกายผ่ายผอม ได้จีวรเนื้อหนาซึ่งเกินกำลังที่ตนสวมใส่ นำไปเปลี่ยนกับจีวรของภิกษุอื่นเพื่อการใช้ให้สดวก
๓. ยินดีตามความสมควรแก่ตน ภิกษุได้จีวรประณีตหรือไม่ประณีตก็ตาม แต่คุณค่ามากเกินกว่าที่ตนจะสวมใส่ จึงนำไปถวายพระเถระผู้ทรงคุณต่างๆ แล้วหาจีวรที่เหมาะกับตนแทน

สันโดษในอาหาร ได้แก่
๑. ภิกษุได้อาหารอย่างไร ก็ไม่คิดอยากเปลี่ยน ฉันตามได้
๒. ภิกษุได้อาหารที่แสลงต่อโรค นำไปเปลี่ยนกับภิกษุอื่นเพื่อฟื้นกำลังร่างกาย แม้อาหารของตนจะดีกว่าเดิมหรือไม่ก็ตาม
๓. ภิกษุได้อาหารที่ประณีตเป็นเลิศ นำอาหารไปถวายแด่พระเถระหรือผู้ทรงคุณหรือผู้มีความจำเป็นที่สมควรมากกว่าตน

สันโดษในเสนาสนะ ได้แก่
๑. ภิกษุผู้มีเสนาสนะแล้ว ยินดีตามสถานที่ที่ตนอาศัยอยู่ แม้จะมีผู้มอบเสนาสนะที่ดีกว่าให้ แต่ก็ไม่รับ
๒. ภิกษุผู้อยู่เสนาสนะที่โล่ง อากาศทำให้เจ็บป่วยง่าย แลกเสนาสนะที่มีสภาพดีหรือเลวกว่าเดิมก็ตามกับภิกษุอื่น เพื่อทำให้กำลังสุขภาพของตนให้อยู่ได้
๓. ภิกษุมีที่อยู่ของตนอยู่แล้ว เมื่อมีภิกษุผู้ทรงคุณมากกว่ามา ยินดีให้ท่านเหล่านั้นพำนักแทน ส่วนตนก็ไปหาที่อยู่ใหม่

สันโดษในเภสัช ได้แก่
๑. ภิกษุได้เภาสัชชนิดใดก็ตาม พอบำบัดไข้ได้ก็ยินดีทั้งนั้น ไม่เลือกเฉพาะเภสัชชั้นเลิศ
๒. ภิกษุอาพาธได้เภสัชไม่ตรงกับโรค นำเภสัชไปแลกกับภิกษุอื่น เพื่อเภสัชที่รักษายังกำลังให้ฟื้นกับตน เพื่อให้สุขภาพฟื้นคืนกำลัง
๓. ภิกษุเมื่อได้เภสัชประณีต นำไปถวายแด่ภิกษุผู้ทรงคุณที่ควรใช้มากกว่าตน ส่วนท่านก็ใช้เภสัชที่พอจะรักษาตนได้เท่านั้น

สันโดษใน บริขาร ๘
ภิกษุผู้มีความสันโดษ มีบริขารเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่ใช้ของเกินความจำเป็นเพราะเป้นเหตุแห่งความมีภาระดูแลรักษามาก บริขารที่จำเป็น ๘ อย่าง ได้แก่ จีวร ๓  บาตร ๑  เข็ม  ๑  มีดเล็ก ๑  ประคตเอว ๑  ผ้ากรองน้ำ ๑ (เพิ่มอีกเป็น ๔ อย่างก็ควร เช่น เครื่องลาดสำหรับเสนาสนะหรือลูกกุญแจ ผ้าหรือแผ่นหนัง ไม้เท้าคนแก่หรือทะนานน้ำมัน และร่มหรือรองเท้า ซึ่งไม่ได้หมายความว่าภิกษุที่มีบริขารเกิน ๘ อย่าง จะเป็นผู้ไม่สันโดษ) แต่ในที่นี้เน้นถึงภิกษุผู้สันโดษ คือ ภิกษุผู้มีบริขาร ๘

สันโดษของฆารวาส
หมายถึงบุคคลทั่วไปที่มีความมักน้อยในกามคุณ ๕ ได้แก่ มักน้อยในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส เพื่อเป็นการฝึกฝนตนในการลดหรือละกิเลสที่ติดตัวเราอยู่ในทุภพทุกชาติที่เกิดมายาวนานให้เบาบางลง

ผู้มักน้อย ๔ จำพวก
๑. ผู้มักน้อยในปัจจัย เป็นผูรับเอาของแต่พอประมาณพอทำกำลังให้ตนอยู่ได้
๒. ผู้มักน้อยในธุดงค์ ภิกษุผู้มักน้อยรักษาวัตรธุดงค์ของตนไว้โดยไม่ได้ให้ผู้ใดทราบ เช่น ถือการอยู่ในป่าช้าเป็นวัตร ไม่เปลี่ยนสถานที่อยู่ใหม่
๓. ผู้มักน้อยในปริยัติ เช่น ภิกษุมีความรู้ในปริยัติไม่แสดงให้ใครๆทราบถึงความสามารถ แต่เมื่อถึงคราว ก็ช่วยแนะนำให้ความรู้ภิกษุต่างๆ ที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน เมื่อเสร็จหน้าที่แล้วก็แยกจากไป
๔. ผู้มักน้อยในมรรคผล ภิกษุที่บรรลุมรรคผลแล้ว แต่ไม่แสดงตนให้ผู้อื่นทราบทำตนธรรมดาเรียบงายสมถะ

การที่มีภิกษุผู้มักน้อย ย่อมเกิดผลดีในศรัทธาที่เกิดจากผู้พบเห็น เป็นเหตุให้ลาภที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น ลาภที่เกิดขึ้นแล้วย่อมมีตลอด ผู้ที่ไม่เลื่อมใสเกิดความเลื่อมใส ผู้ที่เลื่อมใสแล้วเกิดความเลื่อมใสมากขึ้น

มงคลที่เกิดจากความสันโดษ
๑. ทำให้ความมักมาก มักใหญ่ใฝ่สูง และความปรารถในสิ่งที่ไม่เป็นสาระลดน้อยลง และมีปัญญาเห็นผลเสียแห่ความไม่สันโดษ
๒. เป็นเหตุแห่งความสามารถไปในทางสุคติ
๓. เป็นเครื่องเกื้อหนุนต่อการบรรลุอริยมรรค
๔. เป็นเหตุแห่งความเจริญไม่มีอุปสรรค ไม่ว่าจะไปทิศทางใดก็ตาม

โทษของความไม่สันโดษ
๑. เป็นเหตุแห่งความโลภ ไม่รู้จักพอ
๒. เป็นการสร้างภาระในการระวังดูแลรักษาสิ่งของต่างๆ
๓. เป็นเหตุให้เสื่อมทรัพย์ เช่น มีรถขับอยู่คันหนึ่งไม่พอ ก็อยากได้ของใหม่ เงินไม่มี ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาซื้อ ภายหลังไม่มีเงินส่งค่าหนี้เขาก็มายึดรถไป
๔. ทำให้เกิดปัญหาสังคม เช่น ครอบครัวที่สามีภรรยาหลายคน ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง บุตรหลานติดยาเพราะอยู่บ้านไม่มีความสุข
๕. ทำให้เป็นคนโกหกหลอกลวง เป็นที่รังเกียจแก่ผู้ที่รู้จัก
๖. คนมักมากหนักไปทางสั่งสมกิเลส มีทุคติเป็นที่ไปและตัดทางอริยมรรค
ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีโทษอีกมากมาย ดังนั้นทุกคนควรหันมาทำตนเป็นผู้มักน้อยเพื่อเป็นฐานแห่งความเจริญทั้งทางโลกียธรรมและโลกุตรธรรม

ดั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
"ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มักน้อย ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธาน แห่งพระสัทธรรม"


คัดลอกจาก
หนังสือ "มงคล ๓๘ ประการ"
โดย "พระมหาสมปอง มุทิโต"
SHARE

Chumpen

  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts Widget