Banner
เมื่อพระพุทธศาสนาถูกบิดเบือน เราควรช่วยกันประคับประคอง นำคำสอนของพระศาสดามาปฏิบัติตาม

กฏอิทัปปัจจยตา : หัวใจปฏิจจสมุปบาท.

อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.

เรื่องของการบำเพ็ญโสสานิกธุดงค์ คือการอยู่ป่าช้า



เรื่องของการบำเพ็ญโสสานิกธุดงค์ 
คือการอยู่ป่าช้า

พระมหากาลบำเพ็ญโสสานิกธุดงค์

________มหากาลได้อุปสมบทแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลถามถึงธุระในพระศาสนา,
เมื่อพระศาสดาตรัสบอกธุระ ๒ อย่างแล้ว(คือ คันทะธุระ และ วิปัสสนาธุระ), ทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่สามารถบำเพ็ญคันถธุระได้ เพราะข้าพระองค์บวชในกาลเป็นคนแก่, แต่จักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระให้บริบูรณ์”
แล้วทูลให้พระองค์ตรัสบอก โสสานิกธุดงค์จนถึงพระอรหัต,
พระองค์จึงทรงบอกการปฏิบัติใน โสสานิกธุดงค์
"ครั้นล่วงปฐมยาม เมื่อชนนอนหลับหมดทุกคนแล้ว, ไปสู่ป่าช้า เวลาจวนรุ่ง เมื่อชนทั้งหมดยังไม่ทันลุกขึ้น (ตื่น) เลย กลับมายังวิหาร."
____________________________

                ระเบียบของผู้อยู่ในป่าช้า
________ครั้งนั้น หญิงสัปเหร่อคนหนึ่งชื่อ กาลี ผู้เฝ้าป่าช้า เห็นที่ยืนที่นั่งและที่จงกรมของพระเถระเข้า คิดว่า “ใครหนอมาในที่นี้? เราจักคอยจับตัว” เมื่อไม่อาจจับได้, วันหนึ่ง จึงตามประทีปไว้ที่กระท่อมใกล้ป่าช้า พาบุตรธิดาไปแอบอยู่ในที่ส่วนข้างหนึ่ง เห็นพระเถระเดินมาในมัชฌิมยาม จึงไปไหว้แล้วพูดว่า “ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้าพำนักอยู่ในที่ของพวกดิฉันนี้หรือ?”
________ถ. จ้ะ อุบาสิกา.
________ญ. ท่านผู้เจริญ ธรรมดาผู้อยู่ในป่าช้าทั้งหลายเรียนระเบียบ (ก่อน) จึงจะควร.
________พระเถระไม่กล่าวว่า “ก็ข้าพเจ้าจักประพฤติในระเบียบที่เจ้าบอกแล้วอย่างไรเล่า?” กลับกล่าวว่า “ทำอย่างไรเล่าจึงจะควร? อุบาสิกา.”
________ญ. ท่านผู้เจริญ ธรรมดาผู้อยู่ในป่าช้าทั้งหลาย ควรแจ้งความที่ตนอยู่ในป่าช้าแก่ผู้เฝ้าป่าช้า พระมหาเถระในวิหาร และนายบ้าน.
________ถ. เพราะเหตุไร?
________ญ. เพราะพวกโจรทำกรรมแล้ว ถูกพวกเจ้าของ (ทรัพย์) สะกดตามรอยเท้าไป จึงทิ้งห่อภัณฑะไว้ในป่าช้าแล้วหลบหนีไป; เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกมนุษย์ก็ (รุมกัน) ทำอันตรายแก่คนที่อยู่ในป่าช้า แต่เมื่อได้แจ้งความแก่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นแล้ว, เจ้าหน้าที่เหล่านั้นย่อมช่วยกันป้องกันอันตรายได้ ด้วยกล่าวรับรองว่า ‘พวกข้าพเจ้าทราบความที่ท่านผู้เจริญนี้อยู่ในที่นี้สิ้นกาลประมาณเท่านี้, ท่านผู้เจริญรูปนี้มิใช่โจร’ เพราะฉะนั้น ควรบอกแก่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น.
________ถ. กิจอื่นอะไรเล่า? ที่ข้าพเจ้าควรทำ.
________ญ. ท่านผู้เจริญ ธรรมดาพระผู้เป็นเจ้า ผู้อยู่ในป่าช้า จำต้องเว้นวัตถุทั้งหลายมีปลา เนื้อ แป้ง งาและน้ำอ้อยเป็นต้นเสีย, ไม่ควรจำวัดกลางวัน ไม่ควรเป็นผู้เกียจคร้าน ควรปรารภความเพียร, ควรเป็นผู้ไม่โอ้อวด ไม่ใช่เจ้าเล่ห์ เป็นผู้มีอัธยาศัยงาม,
________เวลาเย็น เมื่อชนหลับหมดแล้ว พึงมาจากวิหาร, เวลาจวนรุ่ง เมื่อหมู่ชนทุกคนยังไม่ลุกขึ้น (ตื่นนอน) เลย พึงไปวิหาร, ท่านผู้เจริญ ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในที่นี้ด้วยอาการอย่างนี้ไซร้ จักอาจยังกิจแห่งบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้,
________ถ้าหมู่ชนนำศพมาทิ้ง, ดิฉันจะยกขึ้นสู่เรือนยอดอันดาดด้วยผ้ากัมพลทำสักการะด้วยวัตถุทั้งหลายมีของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้นแล้ว จักทำการปลงศพ, ผิว่า พระผู้เป็นเจ้าจักยังไม่อาจเพื่อยังกิจแห่งบรรพชิต ให้ถึงที่สุดได้ไซร้, ดิฉันจะยกขึ้นสู่เชิงตะกอนแล้วติดไฟเผา เอาขอเกี่ยวลาก (ศพ) ออกมาวางไว้ภายนอก ทอนด้วยขวาน เฉือนให้เป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่แล้วใส่ในไฟ แสดงแก่ท่าน (พระผู้เป็นเจ้า) แล้วจึงค่อยเผา.

________ทีนั้น พระเถระสั่งนางกาลีนั้นว่า “ดีละ นางผู้เจริญ ก็นางเห็นรูปารมณ์อย่างหนึ่งแล้ว จงบอกแก่ข้าพเจ้านะ.” นางกาลีรับว่า “จ้ะ.” พระเถระทำสมณธรรมอยู่ในป่าช้าตามอัธยาศัย (ของตน).
____________________________

                 พระมหากาลพิจารณาศพกุลธิดา

________ลำดับนั้น กุลธิดาคนหนึ่งได้ทำกาละในเวลาเย็น ซึ่งยังมิทันเหี่ยวแห้ง ซูบซีด เพราะพยาธิกำเริบขึ้นในครู่เดียวนั้น. พวกญาติหามศพกุลธิดานั้นไปสู่ป่าช้าในเวลาเย็น พร้อมด้วยเครื่องเผาต่างๆ มีฟืนและน้ำมันเป็นต้น ให้ค่าจ้างแก่หญิงเฝ้าป่าช้า ด้วยคำว่า “นางจงจัดการเผาศพนี้” ดังนี้แล้ว มอบ (ศพ) ให้แล้วหลีกไป.

________นางเปลื้องผ้าห่มของกุลธิดานั้นออกแล้ว เห็นสรีระซึ่งตายเพียงครู่เดียวนั้น แสนประณีต มีสีดังทองคำ จึงคิดว่า “อารมณ์นี้ควรจะแสดงแก่พระผู้เป็นเจ้า” แล้วไปไหว้พระเถระ กล่าวว่า

“ท่านเจ้าข้า อารมณ์ชื่อเห็นปานนี้ มีอยู่, ขอพระคุณเจ้าพึง (ไป) พิจารณาเถิด.”

________พระเถระรับว่า “จ้ะ” ดังนี้แล้วไป ให้เลิกผ้าห่มออกแล้ว พิจารณาตั้งแต่ฝ่าเท้าถึงปลายผมแล้ว พูดว่า

“รูปนี้ประณีตยิ่งนัก มีสีดุจทองคำ, นางพึงใส่รูปนั้นในไฟ ในกาลที่รูปนั้นถูกเปลวไฟใหญ่ลวกแล้ว จึงบอกแก่ข้าพเจ้า”

ดังนี้แล้ว ไปยังที่อยู่ของตนนั่นแล นั่งแล้ว.
นางทำอย่างนั้นแล้วจึงแจ้งแก่พระเถระ,
พระเถระไปพิจารณา. ในที่ถูกเปลวไฟกระทบแล้วๆ สีแห่งสรีระได้เป็นดังแม่โคด่าง. เท้าทั้งสองงอหงิกห้อยลง มือทั้งสองกำเข้า หน้าผากได้มีหนังปอกแล้ว.
____________________________

                 พระมหากาลบรรลุพระอรหัต

________พระเถระพิจารณาว่า “สรีระนี้เป็นธรรมชาติทำให้ไม่วายกระสันแก่บุคคลผู้แลดูอยู่ในบัดเดี๋ยวนี้เอง, แต่บัดนี้ (กลับ) ถึงความสิ้นถึงความเสื่อมไปแล้ว.” กลับไปที่พักกลางคืน นั่งพิจารณาถึงความสิ้นและความเสื่อมอยู่ กล่าวคาถาว่า
________“สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและ
________เสื่อมไปเป็นธรรมดา, เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความ สงบแห่งสังขารนั้นเป็นสุข”
________เจริญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.
________เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว, พระศาสดามีภิกษุสงฆ์แวดล้อมเสด็จจาริกไปยังเสตัพยนครแล้ว เสด็จเข้าสู่ป่าไม้ประดู่ลาย.
-------------------------------------
http://yarkhenpharariya.blogspot.com/p/blog-page_25.html
SHARE

Chumpen

  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
    Blogger Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts Widget